เชลซี ระเบิดฟอร์มซัด ลิเวอร์พูล 3-1, แมนยู แพ้เช่นเคย
เชลซี ระเบิดฟอร์มซัด ลิเวอร์พูล 3-1 – ผลบอล พรีเมียร์ลีก เมื่อ 4 พ.ค. เชลซี งัดฟอร์มสุดยอดออกมาทันเวลา ไล่ตบทีมแชมป์ ลิเวอร์พูล 3-1 ส่งผลให้การช่วงชิงตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในกลุ่ม 5 โควตา น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งกับเกมที่เหลืออยู่
ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก มาถึงนัดที่ 35 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคู่ใหญ่สุดเป็นการพบกันของ เชลซี ที่ยืนอันดับ 5 ของตาราง กับเจ้าของแชมป์ซีซั่นนี้อย่าง ลิเวอร์พูล
เกมนี้ เอ็นโซ มาเรสก้า กุนซือทัพสิงห์ เรียกขุนพลตัวหลักกลับมาลงสนามครบครัน โดย 11 คนแรกมี โรเบิร์ต ซานเชซ – มอยเซส ไคเซโด้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ก กูกูเรย่า – โรมิโอ ลาเวีย, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, โนนี่ มาดูเอเก้ และ นิโคลัส แจ๊คสัน
ฝั่ง อาร์เน่อ ซล็อต หลังจากการันตีแชมป์ได้แล้ว เลือกจะปรับทัพครั้งใหญ่ เปิดโอกาสสำรองบางรายได้เล่น โดยทีมตัวจริงวันนี้มี อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส – วาตารุ เอ็นโด, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, โคดี้ กัคโป และ ดีโอโก้ โชต้า
เกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เล่นมาได้แค่ 3 นาที กลายเป็น เชลซี ที่มาออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เปโดร เนโต้ เปิดจากฝั่งขวายัดมาในเขตโทษให้ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ จับแล้วยิงด้วยขวาเข้าประตูไป
อีก 2 นาที เชลซี เกือบหนีห่าง เมื่อแนวรับ ลิเวอร์พูล ดูเล่นกันแบบสับสน สุดท้าย โนนี่ มาดูเอเก้ ได้ซัดด้วยซ้าย แต่ยิงโดนไม่เต็มทำให้บอลกลิ้งถากเสาออกไป
ต่อมา เชลซี มีจังหวะได้ลุ้นอีก เมื่อ โคล พาลเมอร์ จ่ายทะลุให้ นิโคลัส แจ็คสัน หลุดเดี่ยวไปแตะหลบแล้วโดน อลิสซอน เสียบล้มตัวลอย แต่กระนั้นก็เป็นล้ำหน้าไปก่อน
ในครึ่งหลังก็ยังเป็น เชลซี ที่ทำได้ดีกว่า และนาทีที่ 56 หนีห่าง 2-0 เมื่อ พาลเมอร์ ล็อกหลบ ซิมิคาส ไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวาแล้วปาดเข้ามาหน้าประตู วาตารุ เอ็นโด ล้มตัวสกัดไว้ ปรากฏ ฟาน ไดค์ เตะสกัดไปอัดใส่ตัว จาเรลล์ ควอนซาห์ เด้งเข้าประตูตัวเองเฉย
ท้ายเกมนาทีที่ 85 ลิเวอร์พูล มาตีไข่แตก 1-2 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เปิดเตะมุมให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งเข้าประตูไป
กระนั้น ทดเจ็บ 90+5 เชลซี ได้ลูกปิดกล่อง 3-1 เมื่อ โซบอสซ์ไล จ่ายบอลน้ำหนักขาดทำให้ ควอนซาห์ ที่เข้าถึงช้าไปเตะใส่ มอยเซส ไคเซโด้ เต็มๆ และผู้ตัดสินเป่าจุดโทษ ซึ่ง โคล พาลเมอร์ ก็สังหารเข้าไปไม่พลาด จบเกม เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1
ผลทำให้ เชลซี แม้ยังขยับอันดับขึ้นไม่ได้ ยังรั้งที่ 5 ตามเดิม แต่ก็มีเพิ่มเป็น 63 คะแนนเท่ากับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และเหลือตามหลังอันดับ 3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือ 1 แต้มถ้วนๆ เท่านั้น
ใน 3 นัดสุดท้ายที่ยังเหลือ เชลซี มีคิวพบกับ นิวคาสเซิ่ล (เยือน), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เหย้า) และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เยือน)
แมนยู แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 3-4 ส่อแววไม่พ้นอันดับ 13
ผลบอล พรีเมียร์ลีก อีกคู่น่าสนใจ เมื่อวันอาทิตย์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งทีมสำรองลงไปแพ้ เบรนท์ฟอร์ด ตามคาด 3-4 ส่งผลให้โอกาสจบซีซั่นนี้ที่อันดับ 13 ลงไป มีสูงมาก
ด้วยการที่ แมนยู มีเกมตัดสินกับ แอธเลติก บิลเบา ใน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบตัดเชือก รออยู่ ทำให้นัดนี้ รูเบน อโมริม ส่งสำรองลงแทบจะเต็มอัตรา 11 คนแรกมี อัลตาย บายินดีร์ – ไทเลอร์ เฟรดริกสัน, มัทไธส์ เดอ ลิกท์, ลุค ชอว์ – แพทริค ดอร์กู, มานูเอล อูการ์เต้, ค็อบบี้ เมนู, แฮร์รี่ อามาสส์ – เมสัน เมาท์, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ชิโด โอบี
เป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ได้ประตูนำ 1-0 ในนาที 14 อเลฮานโดร การ์นาโช่ ขึ้นเกมรุกแล้วผ่านเข้ากลางเขตโทษ ถึงเท้า เมสัน เมาท์ สังหารผ่าน มาร์ค เฟล็คเค่น เข้าไป
แต่ไม่นานนัก นาที 27 เบรนท์ฟอร์ด ตามตีเสมอ 1-1 จากลูกทุ่มไกลเข้าไปในกรอบเขตโทษ สุดท้ายเป็น ไมเคิ่ล คาโยเด้ เตะไปติด ลุค ชอว์ เข้าประตูตัวเอง
เบรนท์ฟอร์ด แซงนำ 2-1 ในนาที 33 จังหวะเดินเกมของเจ้าถิ่นแบบไม่สนว่า มัทไธส์ เดอ ลิกท์ ล้มเจ็บอยู่ จน คริสเตียน นอร์การ์ด ครอสบอลไปให้ เควิน ชาเด้อ ขึ้นโหม่งที่เสาไกลผ่าน อัลตาย บายินดีร์ เข้าไปไม่เหลือ
จังหวะนี้ยังปรากฏว่า เดอ ลิกท์ บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ลงแทน
ครึ่งหลัง เจ้าบ้านยิงเพิ่ม 3-1 ในนาที 70 จากลูกโหม่งของ เควิน ชาเด้อ คนเดิม
ไม่เท่านั้น ยังเป็น 4-1 ในนาที 74 ไมเคิ่ล คาโยเด้ ผ่านให้ โยอัน วิสซ่า สังหารผ่าน บายินดีร์ เป็นประตูที่ 18 ของตัวเองในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
ผีแดง ยิงไล่มา 2-4 ในนาที 82 การ์นาโช่ ทำชิ่งหนึ่งสองกับ คริสเตียน เอริคเซ่น แล้ว การ์นาโช่ ตัดเข้ากลางก่อนปั่นจากระยะ 18 หลาเข้าเสาไกลสุดงาม
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+5 แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงไล่มาอีก 3-4 จากการส่องของ อาหมัด ดิยาลโล่ ที่ตะบันลอดขา เฟล็คเค่น เข้าไป แต่ก็ทำได้แค่นั้น จบเกม เบรนท์ฟอร์ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-3
การแพ้ครั้งนี้นับเป็นการแพ้เกมที่ 16 แล้วใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ของ แมนยู โดยพวกเขาหล่นไปอยู่อันดับ 15 หลังจากผ่าน 35 นัด ตามหลังอันดับ 12 คริสตัล พาเลซ ถึง 6 คะแนน ซึ่งหมายถึงมีโอกาสสูงที่จะจบซีซั่นนี้ ไม่ขึ้นไปสูงกว่าอันดับ 13 อันเป็นตำแหน่งที่แย่ที่สุดในการเล่น พรีเมียร์ลีก ตลอด 33 ปี
อันดับท็อป 10 พรีเมียร์ลีก หลังผ่านเกมวันอาทิตย์ 4 พฤษภาคม 2568
1. ลิเวอร์พูล — เตะ 35 — แต้ม 82
2. อาร์เซน่อล — 35 — 67
3. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ — 35 — 64
4. นิวคาสเซิ่ล — 35 — 63
5. เชลซี — 35 — 63
6. น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ — 34 — 60
7. แอสตัน วิลล่า — 35 — 60
8. บอร์นมัธ — 35 — 53
9. เบรนท์ฟอร์ด — 35 — 52
10. ไบรท์ตัน — 35 — 52
ติดตามการแข่งขัน ฟุตบอลวันนี้ วิเคราะห์สถานการณ์ พรีเมียร์ลีก และเปลี่ยนการวิเคราะห์การแข่งขันที่แม่นยำของคุณ ให้กลายเป็นรายได้จริงกับ 12BET! เรียนรู้เพิ่มเติม >> 12BET.com