บราซิล ยืนยันตั้ง อันเชล็อตติ คุมทัพทางการ – รับงานจบซีซั่น
บราซิล ยืนยันตั้ง อันเชล็อตติ คุมทัพทางการ – ลงเอยกันได้เสียที บราซิล จูงมือ คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นจดทะเบียนสมรส ประกาศร่วมหอลงโรงกันเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งงานของโค้ชชาวอิตาเลียนกับเจ้าของแชมป์โลก 5 สมัย จะเริ่มต้นหลังจากจบฤดูกาลนี้เป็นต้นไป ในเป้าหมายสู่แชมป์โลก 2026 ทันที
แม้จะเป็นแชมป์โลกสูงสุด 5 สมัย แต่โทรฟี่หนสุดท้ายของ บราซิล เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2002 มาแล้ว หมายถึงกว่า 20 ปีแล้วที่ “ลา เซเลเซา” ไปไม่ถึงฝั่ง อีกทั้งในช่วงหลังยังโดนคู่อริสำคัญอย่าง อาร์เจนติน่า ข่มมิด ทั้งใน ฟุตบอลโลก และ โคปา อเมริกา
ความล้มเหลวของ บราซิล ในช่วงสิบปีหลัง ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง ว่าส่วนสำคัญคือการที่พวกเขาเลือกใช้งานกุนซืออย่างผิดๆ ทั้งการตั้งคนที่ไม่เหมาะสมเข้ามารับตำแหน่ง หรือการที่ไม่อาจสร้างยอดโค้ชสัญชาติบราซิเลียนขึ้นมาได้มากพอ
กุนซือคนเก่าอย่าง ตีเต้ ได้รับความไว้วางใจให้นั่งเก้าอี้ทำทีมอย่างยาวนาน ตั้งแต่ 2016 -2022 นับรวมเวลาได้ 6 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรนอกจากแชมป์ โคปา อเมริกา 2019 หรือ Superclásico de las Américas ถ้วยพิเศษวัดแชมป์กับ อาร์เจนติน่า ในปี 2018
จากนั้น พวกเขาใช้เป็นกุนซือรักษาการ อย่าง รามอน เมเนเซส ในปี 2023 และ แฟร์นานโด ดินิซ ระหว่างปี 2023-2024 แต่ล้มเหลวอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขากล้าๆ ใช้งาน แฟร์นานโด ดินิซ แบบ “พาร์ทไทม์” ให้โค้ชจับงานคุม ฟลูมิเนนเซ่ ควบคู่กันไปด้วย
มาถึงกุนซือคนล่าสุดอย่าง โดริวัล จูเนียร์ ที่แม้จะเป็นมือเก๋าในลีกแซมบ้า ผ่านงานมาหลายสิบปีกับสารพัดสโมสร อาทิ ฟลาเมงโก้, เซา เปาโล, ซานโตส, ฟลูมิเนนเซ่, ปาราเนนเซ่ ฯลฯ แต่ก็ไม่อาจจุดประกายให้ บราซิล กลับมาสู่จุดที่ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
ในทางตรงกันข้าม โดริวัล จูเนียร์ ยังทำให้ บราซิล ตกต่ำอย่างหนักในเส้นทาง ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก แบบที่ถูกมองว่ามีโอกาสจะตกรอบคัดเลือก เวิลด์ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อันที่จริง ในช่วงที่ผ่านมา สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล (ซีบีเอฟ) ประกาศตัวชัดเจนมาตลอดว่าต้องการให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้าไปนั่งเก้าอี้ เริ่มตั้งแต่ในช่วงซัมเมอร์ 2024 มาแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะพรากตัว อันเช่ ไปจาก เรอัล มาดริด ได้ ตามสัญญาที่โค้ชอิตาเลียนยังคงเหลืออยู่กับทีมชุดขาว
การที่พวกเขาพลาดเป้าหมายเบอร์ 1 อย่าง อันเชล็อตติ ทำให้ต้องทนใช้โค้ชคนในอย่าง แฟร์นานโด ดินิซ หรือ โดริวัล จูเนียร์ มาตลอดนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมาคลี่คลายจนได้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลัง เมื่อผลงานของ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลปัจจุบัน 2024/25 ออกทรงแกว่งไกว และเริ่มหลุดจากวงโคจรแชมป์ไปทีละรายการ ตั้งแต่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย, แพ้นัดชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ จนถึงล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งแพ้ บาร์เซโลน่า 3-4 จนหมดลุ้นแชมป์ ลา ลีกา
ผลงานดังกล่าว ทำให้ เรอัล มาดริด ตัดสินใจแล้วถึงการไม่ไปต่อกับโค้ชวัย 65 โดยจะมุ่งหากุนซือใหม่คนวัยหนุ่มอย่าง ชาบี อลอนโซ่ ให้ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มารับงานกับพวกเขา และจะแยกทางกับ อันเชล็อตติ ตอนจบซีซั่น
ประเหมาะเคราะห์ดีกับที่ บราซิล จับจ้องสถานการณ์ของ อันเชล็อตติ มาตลอด จนกระทั่งเมื่อ 12 พ.ค. ซีบีเอฟ จึงได้ประกาศการคว้าตัว อันเช่ มาทำทีมเรียบร้อย กำหนดเริ่มงานในวันที่ 26 พ.ค. นี้ เป็นต้นไป
ยืนยัน อันเช่ กุนซือต่างชาติคนแรกของ บราซิล
อันเชล็อตติ จะอำลา เรอัล มาดริด ไปเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมชาติบราซิลตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. เป็นต้นไป หรือเพียง 1 วันหลังจากคุม มาดริด ในเกมสุดท้ายของซีซั่น ที่จะพบกับ เรอัล โซเซียดัด
ซีบีเอฟ แถลงว่า “สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล มีความภูมิใจที่จะยืนยันว่า คาร์โล อันเชล็อตติ จะกลายเป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ ของทีมฟุตบอลทีมชาติบราซิล”
“อันเชล็อตติ เป็นตำนานของวงการฟุตบอล ในฐานะผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการหลังจากจบฤดูกาล 2024-25 ของ ลา ลีกา”
“เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก ของบราซิลในเดือนมิถุนายน โดยจะเริ่มงานอย่างเป็นทางการ 26 พฤษภาคม 2025”
“อันเชล็อตติ จะกลายเป็นผู้จัดการทีมต่างชาติคนแรก ในประวัติศาสตร์ของ เซเลเซา ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ เป็นการรวมตัวกันของสองสัญลักษณ์แห่งวงการฟุตบอล”
“แชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัย กับโค้ชที่มีผลงานไร้เทียมทานในเวทีระดับยุโรป ซีบีเอฟ ขอต้อนรับ อันเชล็อตติ อย่างอบอุ่น และตั้งตารอความสำเร็จยุคใหม่ภายใต้การนำของเขา”
งานของ อันเชล็อตติ กับทัพแซมบ้า คือการลุยศึก ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่จนถึงตอนนี้ บราซิล รั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน โซนอเมริกาใต้ ในโควตาเข้ารอบสุดท้ายอัตโนมัติ 6 ที่ กับอีก 1 โควตาไปเพลย์ออฟต่างโซน
เกมเปิดตัวของ อันเชล็อตติ จะเป็นการนำ บราซิล บุกเตะ เอกวาดอร์ ในวันที่ 5 มิ.ย. ตามด้วยกลับมาเล่นในแดนกาแฟเป็นครั้งแรกที่ เซา เปาโล พบ ปารากวัย 10 มิ.ย. และพบ ชิลี กับ โบลิเวีย เป็น 2 เกมสุดท้ายของการคัดบอลโลกเที่ยวนี้ ในเดือน ก.ย.
ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า งานชิ้นแรกๆ ของ อันเชล็อตติ จะเป็นการจีบ กาเซมิโร่ กองกลางตัวเก๋าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวัย 36 ให้กลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้ง เพื่อเป็นตัวคุมจังหวะแดนกลาง เคียงข้างบรรดาแข้งรุ่นน้อง
รวมไปถึงชื่อที่หลุดทีมในช่วงหลังๆ อาทิ อันโตนี่, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, กาเบรียล เชซุส, ลูคัส ปาเกต้า, ริชาร์ลิซอน หรือ เฟร็ด ก็ถูกมองว่ามีโอกาสถูก อันเชล็อตติ เรียกกลับมาเช่นกัน
ในส่วน เรอัล มาดริด ก็จะแถลงแยกทางกับ อันเชล็อตติ ในเร็วๆ นี้ ที่จะรวมแผนการจัดงานอำลาอย่างเป็นทางการที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เอาไว้ด้วย เช่นเดียวกับการประกาศแต่งตั้ง ชาบี อลอนโซ่ ในคราวเดียวกัน เพื่อให้เข้าทำทีมทันเวลาลุย สโมสรโลก เวอร์ชั่นใหม่ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ที่สหรัฐอเมริกา
สำหรับ อันเชล็อตติ คุมทีม เรอัล มาดริด 2 ช่วง ในระหว่างปี 2013–2015 และ 2021-2025 โดยถือเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ทีมชุดขาว พาทีมครองแชมป์ทั้งสิ้น 15 รายการ จำแนกเป็น ลา ลีกา 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย
ติดตามการแข่งขัน ฟุตบอลวันนี้ วิเคราะห์สถานการณ์ พรีเมียร์ลีก และเปลี่ยนการวิเคราะห์การแข่งขันที่แม่นยำของคุณ ให้กลายเป็นรายได้จริงกับ 12BET! เรียนรู้เพิ่มเติม >> 12BET.com